เทคนิคเขียน Resume อย่างไรให้ได้งาน
วันนี้ไปเจอเทคนิคดีๆ เลยเอามาฝากทุกท่าน หวังว่าคงมีประโยชน์ครับ สำหรับเทคนิคเขียน Resume อย่างไรให้ได้งาน “การเขียน Resume ให้จูงใจคนอ่าน คือ การเขียนให้สอดคล้องกับความต้องการของเขา” ในขั้นตอนการสมัครงานส่วนใหญ่นั้น สิ่งแรกที่นายจ้างจะรู้เห็นเกี่ยวกับเราก็คือ “Resume” หรือ ใบผ่านงานของเรา Resume ที่ว่านี้ คือ เอกสารทางธุรกิจชนิดหนึ่งซึ่งจะมีข้อมูลพื้นฐานของเราปรากฏอยู่ อันได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน
ต่อไปนี้คือรายละเอียดการเขียน Resume สไตล์อเมริกัน ซึ่งสามารถยึดเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ได้โดยทั่วไป
รูปแบบ
- ให้เลือกทำ และส่ง Resume ด้วยไฟล์ Microsoft Word (หรือไม่ก็เป็น PDF)
- ก่อนที่เราจะลงมือเขียน ให้นึกถึงผู้ที่จะอ่านมันเป็นอันดับแรก ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นกรรมการบริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายการตลาด ฝ่ายการสื่อสาร ฝ่ายวิศวกรรม หรือฝ่ายค้นคว้าวิจัยก็ตาม พวกเขาย่อมต้องการจะรู้ว่า “คุณมีคุณสมบัติอะไรที่สอดคล้องกับความต้องการของแผนกเขาบ้าง”
- Resume ไม่ควรมีความยาวเกิน 2 หน้ากระดาษ A4 (สำหรับบัณฑิตใหม่ เขียนแค่หน้าเดียวก็พอ) โดยให้ระบุข้อมูลที่สำคัญที่สุดจากด้านบนของหน้าแรก เช่น ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลติดต่อ ตำแหน่งที่คุณต้องการสมัคร และประสบการณ์ที่คุณมี สถานที่ และเบอร์ติดต่อ
- ใน Resume นั้นไม่จำเป็นต้องเขียนที่อยู่เต็มก็ได้ แต่ต้องเขียนเมือง รัฐ หรือประเทศให้ชัดเจน หาก Resume ของเรายาว 2 หน้า ก็ควรเขียนชื่อที่ด้านบนของหน้าที่ 2 ด้วย และหากไม่สะดวกที่จะให้ติดต่อที่ทำงาน ก็ไม่ต้องใส่เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่ทำงานไว้ (รวมถึงไม่ควรส่ง Resume จากอีเมลที่ทำงานด้วย)
- หากที่อยู่ปัจจุบันของเราเป็นที่อยู่ชั่วคราวก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจน และควรเขียนที่อยู่ถาวรพร้อมเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย
- ถ้าเรามีเบอร์ติดต่อหลายเบอร์ เช่น เบอร์ที่ติดต่อได้ตอนกลางวัน เบอร์ที่ติดต่อได้ตอนกลางคืน หรือเบอร์โทรมือถือ ก็ต้องระบุให้ชัด อาจใส่อีเมลที่จะทำให้ติดต่อสะดวกยิ่งขึ้น (แต่ไม่ควรใช้ชื่ออีเมลที่ไม่สุภาพหรือไร้สาระเด็ดขาด)
เป้าหมาย และความสนใจ
- ต่อจากข้อมูลเรื่องสถานที่ติดต่อ เราควรสรุปความใฝ่ฝัน ความสนใจ ประสบการณ์ ทักษะ และเป้าหมายของเราด้วย โดยข้อสรุปนี้ไม่ควรยาวเกินสามบรรทัด
- ควรเตรียมข้อสรุปข้างต้นไว้มากกว่าหนึ่งแบบ เพื่อใช้ในการสมัครงานในตำแหน่งที่แตกต่างกัน (แต่ถ้าไม่สามารถเขียนข้อสรุปได้ดี ขอแนะนำว่าไม่ควรจะเขียนเลย)
ประสบการณ์ด้านอาชีพ
- แจกแจงประวัติการทำงานโดยเรียงลำดับตามปี และให้เริ่มจากงานสุดท้ายก่อน
- ระบุข้อมูลของช่วงเวลาที่เราทำงาน (เดือน และปี) ตามด้วยชื่อบริษัท คำจำกัดความของบริษัท (เช่น ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ หรือที่ปรึกษาด้านการบริหารแบรนด์ เป็นต้น) ที่ตั้ง ตำแหน่งงานของเราที่บริษัทนั้น และระบุหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน
- หากไม่มีตำแหน่งที่ชี้ชัด (ตามฝ่ายหรือแผนก) อาจจะระบุรายละเอียดงาน (ประเภทงานที่คุณทำ) ไปแทนก็ได้ เช่น วิศวกรอุตสาหกรรม กรรมการบริหารด้านการค้นคว้า สถาปนิก หรือกราฟิกดีไซเนอร์ เป็นต้น
- ในส่วนของการแจกแจงผลงาน ควรเน้นเฉพาะผลงานที่ผ่านมาในระยะเวลาอันใกล้ หลีกเลี่ยงรายละเอียดงานที่ผ่านมาเกิน 15 ปี ในแต่ละโครงการให้ระบุหน้าที่ของเรา จำนวนคนภายใต้บังคับบัญชา หรือจำนวนคนในตำแหน่งที่คล้ายกับเรา (เช่นคุณเป็นหนึ่งในสามของผู้จัดการฝ่ายออกแบบ) อาจกล่าวถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย
- หากเคยเป็นที่ปรึกษา เราควรแจงรายชื่อลูกค้า และโครงการที่เคยทำให้ลูกค้าเหล่านั้นอย่างชัดเจน (ไม่ต้องกล่าวถึงงานชั่วคราว นอกเสียจากว่างานนั้นมีผลต่อตำแหน่งที่คุณกำลังสมัคร)
- บัณฑิตใหม่ให้ระบุงานที่เคยทำในช่วงที่เป็นนิสิตนักศึกษา เช่น งานช่วงปิดเทอม งานช่วยสหกรณ์ เป็นต้น
- ถ้าเรามีประสบการณ์อาชีพค่อนข้างมาก สามารถเขียน Resume ได้ถึง 2 หน้า ในหน้าที่ 2 นั้นให้เน้นรายละเอียดด้านประสบการณ์การทำงาน อาจใช้หัวข้อว่า “จุดเด่นในหน้าที่การงาน” ก็ได้ โดยให้ใส่ข้อมูลเพิ่มเติมจากหน้าแรก เช่น งบประมาณที่เคยบริหาร โครงสร้างของทีมงาน หน้าที่การจ้างงาน การควบคุมฝ่ายขาย หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เป็นต้น
- โดยปกติแล้วถ้าเราอยู่ในตำแหน่งงานใดเป็นเวลานาน ก็ควรให้ข้อมูลตรงจุดนั้นมากหน่อย แต่หากงานนั้นผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาใส่ใน Resume นอกจากว่างานนั้นจะมีผลต่อการสมัครงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก
- จากประวัติงานในอดีต หากมีหน้าที่ความรับผิดชอบใดที่เราไม่ต้องการจะทำอีก เราก็ไม่ควรเน้นถึงตรงนั้น
- จงรำลึกเสมอว่า “ข้อมูลข้อเท็จจริงนั้นสามารถตรวจสอบได้ง่ายมาก” บริษัทใหญ่ๆ มักจะทำการตรวจสอบข้อมูลที่เราให้ไว้ ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงข้อมูลเท็จ และตรวจทานวันที่ให้แน่นอน
การศึกษา
- ควรแจกแจงโดยเรียงลำดับวันที่ย้อนหลังเช่นกัน รายละเอียดที่ควรกล่าวถึงได้แก่ ชื่อสถาบัน ที่ตั้ง วิชาเอก ระยะเวลาที่ศึกษา วันที่รับปริญญา รวมถึงเกียรตินิยมหรือรางวัลที่ได้รับ (ไม่ต้องแจงรายละเอียดวิชาที่เรียนมา)
- บัณฑิตใหม่สามารถเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ และคำอธิบายประกอบ (ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมาย และความสนใจ)
- ควรระบุรายละเอียดการศึกษาช่วงมัธยมปลายเฉพาะในกรณีที่สอดคล้องกับงานที่สมัคร
- ควรแจงข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรมหรือประกาศนียบัตรที่เคยได้รับด้วย
ข้อมูลส่วนตัว
เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ เพศ สถานภาพการแต่งงาน ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ สถานะการเกณฑ์ทหาร หรือข้อบกพร่องทางสุขภาพก็ได้ (ในสหรัฐอเมริกานั้นหากยังไม่มีการตกลงทำสัญญาจ้าง การที่นายจ้างถามถึงข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย)
ข้อมูลอื่นๆ
- เป็นข้อมูลชิ้นสุดท้ายซึ่งรวมถึงข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเรา “ที่ผู้ว่าจ้างอาจจะสนใจ” เช่น ภาษา และความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ ความสนใจพิเศษ ความรู้ และทักษะที่ไม่ปรากฏในประวัติการทำงาน
- ควรแจงข้อมูล (ถ้ามี) เกี่ยวกับสมาชิกภาพกับองค์กรต่างๆ ประวัติการแสดงนิทรรศนาการ การได้รับรางวัล หรืองานที่เคยตีพิมพ์ ประสบการณ์ด้านการโต้วาที การอภิปรายหรือการประชุม รวมถึงใบอนุญาตต่างๆ ที่เราถืออยู่ในปัจจุบัน
ความง่ายในการอ่าน
- ให้ออกแบบ Resume เพื่อความสะดวกในกานอ่าน ชัดเจน รัดกุม อย่าเน้นดีไซน์มากจนเกินไป ตัวพิมพ์ไม่ควรเล็กกว่า 10 pt
- หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์สี พื้นสี หรือภาพกราฟิกที่จะทำให้อ่านยาก
Tips อื่นๆ
- หากเราเลือกส่ง Resume ทางอีเมล ข้อมูล และรูปแบบของ Resume นั้นจะต้องจูงใจเป็นพิเศษ ต้องสร้างความประทับใจได้ภายในย่อหน้าแรก (มิเช่นนั้นจะไม่มีใครอ่านต่อแน่นอน)
-บางคนอยากจะเขียนจดหมายนำก็ได้ไม่ผิด แต่ผู้อ่านส่วนใหญ่จะพลิกไปอ่านหน้า Resume ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครดังกล่าวมีคุณสมบัติตามเกณฑ์เบื้องต้น
- ความชัดเจน และรวบรัดเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่นเดียวกับการเรียบเรียง และรูปแบบของการเขียน รวมทั้งไวยากรณ์ และตัวสะกดด้วย
- คำอธิบายเกี่ยวกับตำแหน่งงานตามประกาศรับสมัครคือข้อมูลเบื้องต้นที่ทำให้เราทราบว่า ผู้ว่าจ้างต้องการคุณสมบัติอะไรบ้างจากผู้สมัคร ฉะนั้นหาก Resume ที่เราส่งไปไม่สอดคล้องกับความต้องการดังกล่าว นายจ้างก็จะไม่สนใจ ไม่ว่าจดหมายนำของเราจะดูดีแค่ไหนก็ตาม
คลิกที่นี่เพื่อดูเทคนิคและการเขียน resume อย่างละเอียดเพิ่มเติม...
คลิกที่นี่เพื่อดูตัวอย่างการเขียน Resume ภาษาไทย
คลิกที่นี่เพื่อดูตัวอย่างการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ
ที่มา www.tcdcconnect.com
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ จากบล็อกจดหมายสมัครงาน, จดหมายธุรกิจ :
- ควรแจกแจงโดยเรียงลำดับวันที่ย้อนหลังเช่นกัน รายละเอียดที่ควรกล่าวถึงได้แก่ ชื่อสถาบัน ที่ตั้ง วิชาเอก ระยะเวลาที่ศึกษา วันที่รับปริญญา รวมถึงเกียรตินิยมหรือรางวัลที่ได้รับ (ไม่ต้องแจงรายละเอียดวิชาที่เรียนมา)
- บัณฑิตใหม่สามารถเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อวิทยานิพนธ์ และคำอธิบายประกอบ (ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมาย และความสนใจ)
- ควรระบุรายละเอียดการศึกษาช่วงมัธยมปลายเฉพาะในกรณีที่สอดคล้องกับงานที่สมัคร
- ควรแจงข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรมหรือประกาศนียบัตรที่เคยได้รับด้วย
ข้อมูลส่วนตัว
เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น อายุ เพศ สถานภาพการแต่งงาน ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ สถานะการเกณฑ์ทหาร หรือข้อบกพร่องทางสุขภาพก็ได้ (ในสหรัฐอเมริกานั้นหากยังไม่มีการตกลงทำสัญญาจ้าง การที่นายจ้างถามถึงข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย)
ข้อมูลอื่นๆ
- เป็นข้อมูลชิ้นสุดท้ายซึ่งรวมถึงข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเรา “ที่ผู้ว่าจ้างอาจจะสนใจ” เช่น ภาษา และความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ ความสนใจพิเศษ ความรู้ และทักษะที่ไม่ปรากฏในประวัติการทำงาน
- ควรแจงข้อมูล (ถ้ามี) เกี่ยวกับสมาชิกภาพกับองค์กรต่างๆ ประวัติการแสดงนิทรรศนาการ การได้รับรางวัล หรืองานที่เคยตีพิมพ์ ประสบการณ์ด้านการโต้วาที การอภิปรายหรือการประชุม รวมถึงใบอนุญาตต่างๆ ที่เราถืออยู่ในปัจจุบัน
ความง่ายในการอ่าน
- ให้ออกแบบ Resume เพื่อความสะดวกในกานอ่าน ชัดเจน รัดกุม อย่าเน้นดีไซน์มากจนเกินไป ตัวพิมพ์ไม่ควรเล็กกว่า 10 pt
- หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์สี พื้นสี หรือภาพกราฟิกที่จะทำให้อ่านยาก
Tips อื่นๆ
- หากเราเลือกส่ง Resume ทางอีเมล ข้อมูล และรูปแบบของ Resume นั้นจะต้องจูงใจเป็นพิเศษ ต้องสร้างความประทับใจได้ภายในย่อหน้าแรก (มิเช่นนั้นจะไม่มีใครอ่านต่อแน่นอน)
-บางคนอยากจะเขียนจดหมายนำก็ได้ไม่ผิด แต่ผู้อ่านส่วนใหญ่จะพลิกไปอ่านหน้า Resume ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครดังกล่าวมีคุณสมบัติตามเกณฑ์เบื้องต้น
- ความชัดเจน และรวบรัดเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่นเดียวกับการเรียบเรียง และรูปแบบของการเขียน รวมทั้งไวยากรณ์ และตัวสะกดด้วย
- คำอธิบายเกี่ยวกับตำแหน่งงานตามประกาศรับสมัครคือข้อมูลเบื้องต้นที่ทำให้เราทราบว่า ผู้ว่าจ้างต้องการคุณสมบัติอะไรบ้างจากผู้สมัคร ฉะนั้นหาก Resume ที่เราส่งไปไม่สอดคล้องกับความต้องการดังกล่าว นายจ้างก็จะไม่สนใจ ไม่ว่าจดหมายนำของเราจะดูดีแค่ไหนก็ตาม
คลิกที่นี่เพื่อดูเทคนิคและการเขียน resume อย่างละเอียดเพิ่มเติม...
คลิกที่นี่เพื่อดูตัวอย่างการเขียน Resume ภาษาไทย
คลิกที่นี่เพื่อดูตัวอย่างการเขียน Resume ภาษาอังกฤษ
ที่มา www.tcdcconnect.com
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ จากบล็อกจดหมายสมัครงาน, จดหมายธุรกิจ :