เรียงความภาษาอังกฤษ หัวข้อเกี่ยวกับเด็ก
วันนี้ผมเอาตัวอย่างเรียงความภาษาอังกฤษ ในหัวข้อเรื่อง เด็กๆ ควรเติบโตที่ไหน (where should kids grow up?) เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านใดที่มองหาเรียงความภาษาอังกฤษอยู่ ลองเอาตัวอย่างนี้ไปประยุกต์ดูนะครับ
There are advantages and disadvantages to a childhood in
either the country or in a city. It’s hard to say which is better. Growing up
in the country means a certain amount of isolation. You’re in a small town or
on a farm and not with a lot of people. Even more important, the people you
meet every day tend to be just like you. Most will be the same race as you,
have the same background as you, and will go to the same schools as you. In the
city, the people you meet are all different. There are different races and
different cultures. You get a more interesting mix.
City people tend to come from a lot of different places and
move around a lot. So, there isn’t the sense of community in the city that you
have in the country. People in the city can live in the same apartment building
for twenty years and never get to know their neighbors. In the country,
everybody knows everybody. For a child, this means the country is more secure.
A child can get lost or hurt in the city and have no one to turn to. In the
country, everyone’s a neighbor. People in the country feel connected to each
other.
Children growing up in the city has the advantage of a
lot of interesting and exciting places to visit. They can go to the zoo,
museums, art galleries and concerts. There are a lot of restaurants with
different kinds of food. It’s easy to see every new movie that comes out.
Children in the country don’t have a lot of these activities. All in all, I think
a childhood in the city is better because it prepares you more for what real
life is like.
คำแปลเรียงความภาษาไทย
มีทั้งข้อดีและข้อเสียของวัยเด็กในชนบทหรือในเมืองใหญ่เป็นการยากที่จะบอกว่าอันไหนดีกว่าอันไหน การเติบโตในชนบทนั้นหมายถึงการโดดเดี่ยวในระดับหนึ่ง คุณอยู่ในเมืองเล็กหรือตามฟาร์และไม่ได้อยู่กับคนเยอะ ที่สำคัญไปกว่านั้น คนที่คุณพบทุกวันมีแนวโน้มว่าจะเป็นเหมือนคุณ ส่วนใหญ่ก็จะมีเชื้อชาติเดียวกันกับคุณ มีพื้นเพเดียวกัน และก็จะไปโรงรียนเดียวกันกับคุณ ในเมืองใหญ่ คนที่คุณพบล้วนแตกต่างกัน มีเชื้อชาติและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน คุณจะเจอกับการผสมผสานที่น่าสนใจมากกว่า
คนในเมืองมีแนวโน้มว่าจะมาจากหลากหลายสถานที่และโยกย้ายที่อยู่กันมาก ดังนั้น จึงไม่มีความสำนึกของความเป็นชุมชนในเมืองเหมือนที่มีในชนบท คนในเมืองสามารถอาศัยอยู่ในตึกอพาร์ทเมนท์เดียวกันเป็นเวลา 20 ปี และไม่รู้จักเพื่อนบ้านกันเลย ในชนบททุกคนรู้จักัน สำหรับเด็กแล้ว มันหมายถึง ชนบทนั้นมั่นคงกว่า เด็กอาจจะหายหรือบาทเจ็บในเมืองและไม่มีใครที่จะหันไปหาได้ในชนบทนั้น ทุกคนคือเพื่อนบ้าน คนในชนบทรู้สึกผูกพันต่อกัน
เด็กที่เติบโตในเมืองนั้นมีข้อได้เปรียบในแง่สถานที่ที่น่าสนใจและน่าตื้นเต้นมากมายที่จะไปเที่ยว
พวกเขาสามารถไปสวนสัตว์พิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงศิลปะ และคอนเสิร์ต มีภัตตาคารมากมายที่มีอาหารหลากหลายชนิด
มันง่ายที่จะไปดูหนังใหม่ทุกเรื่องที่ออกฉาย
เด็กในต่างจังหวัดไม่มีกิจกรรมเหล่านี้มาก เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ฉันคิดว่า
วัยเด็กในเมืองนั้นดีกว่าเพราะมันเตรียมตัว
คุณได้มากกว่าสำหรับสิ่งที่เป็นจริงของชีวิต
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยังมีตัวอย่างเรียงความภาษาอังกฤษในหัวข้อต่างๆ อีกมาก จะทยอยลงให้เพิ่มเติมครับ
ขอบคุณรูปจากอินเทอร์เน็ต
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยังมีตัวอย่างเรียงความภาษาอังกฤษในหัวข้อต่างๆ อีกมาก จะทยอยลงให้เพิ่มเติมครับ
ขอบคุณรูปจากอินเทอร์เน็ต